เครนหล่นใส่โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์– วันที่ 19 มิ.ย. อุบัติเหตุเครนก่อสร้างโรงแรมริเวิอร์ การ์เด้นล้ม ภายในซอยเจริญกรุง 36 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก เศษวัสดุได้ร่วงหล่นลงอาคารอเนกประสงค์ (สนามบาส) ของโรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์ซึ่งอยู่ติดกัน ส่งผลให้นักเรียนได้รับบาดเจ็บ 10 ราย นำตัวส่งโรงพยาบาลเลิดสิน ต่อมาทางโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ ได้ประกาศหยุดเรียนวันที่ 20 มิ.ย. 1 วัน เพื่อดูแลความเรียบร้อยและตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่
คืบหน้าล่าสุดพบว่าหนึ่งในนักเรียนบาดเจ็บ สาหัส 1 ราย จากอาการหัวแตก
เมื่อสแกนพบกะโหลกร้าว เป็นนักเรียนหญิงชั้น ม.3 ส่วนอีก 7 กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลเดียวกัน
ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การก่อสร้างที่เครนล้มลงมาถูกสั่งห้ามดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาเนื่องจากดำเนินงานไม่ตรงกับที่แจ้งเขตไว้ว่าแค่ซ่อมแซม แต่ก็ฝ่าฝืนจนเกิดเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สิ่งของจากเขตก่อสร้างร่วงหล่นใส่โรงเรียน มีเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้าถึง 4 ครั้ง ขณะที่ทางโรงแรมเข้าชี้แจงกับเขตบางรักถึงอุบัติเหตุครั้งล่าสุดว่า เกิดจากความพยายามติดตั้งแผงเหล็กนิรภัยที่ใช้กั้นส่วนที่ทำงานก่อสร้าง จนเครนล้มลงมา
‘ประยุทธ์’ โว ราคาปาล์มและยางพาราสูงขึ้นในรอบหลายปี แก้ปัญหาไม่ฉาบฉวย แก้ปัญหาราคาปาล์ม – วันที่ 19 มิ.ย. เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ออกแถลงการณ์ถึงการแก้ปัญหาราคาปาล์มและยางพาราดังนี้
“ผมใส่ใจและเร่งติดตามแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางและชาวสวนปาล์ม เราต้องแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางที่แก้ทั้งระบบโดยใช้วิธีการบริหารการผลิตและการบริหารความต้องการใช้ผลผลิตให้อยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกันซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย
.
ขณะนี้ราคาปาล์มและยางพาราได้ปรับสูงขึ้นในรอบหลายปี โดยปาล์มดิบราคาปรับเพิ่มขึ้น 3.30-3.50 บาท/กก. อันเป็นผลจากนโยบายและแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 200,000 ตัน มาผลิตไบโอดีเซลเพื่อใช้ในโรงไฟฟ้า แต่ตอนนี้ซื้อไปแค่ 60,000 ตัน ก็สามารถดันราคาปาล์มขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งและคาดว่าจะดันราคาเพิ่มขึ้นได้อีกอย่างต่อเนื่อง
.
วันนี้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ราคา 60.05 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าสูงมากกว่าในช่วงหลายปีเช่นกัน จากมาตรการที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และการรวมกลุ่มของเกษตรกรเข้าไปซื้อยางพาราในราคานำตลาด รวมถึงการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น จากอดีตใช้ในประเทศ 500,000 ตันต่อปี หรือ 14% ของผลผลิตในประเทศ ปีนี้ใช้เพิ่มเป็น 800,000 ตันหรือ17% และส่งออก 4 ล้านตันต่อปี
พ่อใจบาป ข่มขืนลูกแท้ๆ วัย 11 ขวบ แม่จับได้เพราะออกจากห้องน้ำพร้อมกัน
วานนี้ (18 มิ.ย.) ตำรวจได้จับกุมตัวนายสง่า (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปีชาวบ้านอ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลังเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.อุดรธานี นำนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ชาว สปป.ลาว และ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ภรรยาและบุตรสาวแท้ๆ ของนายสง่า เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสง่าในข้อหาข่มขืน
ตำรวจเผยว่าจากการสอบสวน นางเอผู้เอ ผู้เป็นแม่เล่าว่าตนเป็นชาวสปป.ลาว ซึ่งอยู่กินกับนายสง่ามาแล้วกว่า 10 ปี ต่อมานายสง่าถูกจับกุมข้อหาค้ายาบ้าและติดคุกอยู่ที่เรือนจำกลางหนองคายประมาณ 9 ปีซึ่งตอนที่นายสง่าถูกจับนั้น ด.ญ.บีอายุเพียง 8 เดือน
หลังนายสง่าพ้นโทษออกมาได้ 2 ปีตนก็ท้องลูกสาวคนที่ 2 ได้ประมาณ 6 เดือน ตอนนั้นเริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติของนายสง่าและลูกสาว จนกระทั่งตนมาเห็นทั้งสองคนออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันล่าสุด ตนจึงพยายามสอบถามจนนายสง่ายอมรับว่าข่มขืนลูกสาวจริงแต่ทำไม่สำเร็จ เมื่อตรวจสอบอวัยวะเพศลูกสาวพบว่ามีรอยฉีกขาด อีกทั้งลูกยังบอกตนว่าถูกบังคับข่มขืนมาหลายครั้งแล้ว
เมื่อญาติฝ่ายนายสง่ารู้เรื่องก็ได้ตักเตือนให้หยุดแต่ขอตนไว้ว่าอย่าแจ้งความดำเนนคดี โดยนายสง่ารับปากว่าจะไม่ทำอีก ด้านลูกสาวเล่าว่าผู้เป็นพ่อใช้กำลังข่มขู่และบอกว่าหากนำเรื่องไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย ขณะนั้นนางเอ ทนอยู่ในสภาพจำยอม รอให้ลูกคนเล็กคลอดก่อน จึงได้นำลูกหนีกลับไปที่สปป.ลาว เพราะหากนายสง่าเมาเหล้าก็จะมาลวนลามและทำอนาจารลูกอีก
หลังจากกลับไปอยู่สปป.ลาวจนลูกคนเล็กอายุได้ 7 เดือน สามีก็เดินทางมาง้อขอให้กลับบ้าน เมื่อไม่ยอมนายสง่าก็ข่มขู่ต่างๆ นานา นางเอจึงต้องบอกว่าให้นายสง่ากลับไปก่อนจะตามกลับไป นายสง่าจึงยอมกลับไทย เมื่อเห็นว่าไม่ตามมา นายสง่าก็โทรศัพท์ข่มขู่ทุกวันให้พาลูกกลับไปที่บ้าน จนกระทั่งนางเอหมดความอดทนต้องโทรแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.อุดรธานี ให้มารับตัวเองและลูกสาวที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว และแจ้งความจับนายสง่า อย่างไรก็ตามในขณะนี้ นายสง่าให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาmด้านด.ญ.บีได้ถูกนำตัวไปตรวจร่างกาย ที่ รพ.บ้านผือ พบว่ามีร่องรอยถูกข่มขืนจริง และขณะนี้ทั้งแม่และลูกสาวอยู่ในการดูและของเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก